Flaxseed หรือ Linseed คือ เมล็ดของต้นปอป่าน จำพวก Linum เป็นพืชที่ใช้เส้นใยลำต้นทำผ้าลินิน
Flaxseed สามารถป้องกัน และต่อต้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบย่อยอาหาร โรคความดันโลหิตสูง
โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคท้องผูก และยังช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายได้อีกด้วย
ในจำนวนพืชมีเมล็ด Flaxseed สามารถสกัดน้ำมันออกมาใช้ได้ และน้ำมันที่ได้ล้วนเป็นไขมันดี
ประกอบไปด้วย โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ซึ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่คนเราไม่สามารถผลิตเองได้
จึงต้องหาจากอาหารอื่นเสริม
โอเมก้าทั้ง 2 ชนิดนี้มีส่วนทำให้ฮอร์โมน prostaglandins and elcosanoids ไปเลี้ยงสมอง
ระบบประสาท ผิวหนัง ระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยป้องกันเลือดข้น และจับกันเป็นก้อน
หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง การควบคุมให้เลือดมีความดันปกติ
Flaxseed มีประวัติยาวนาน เมล็ดแฟลกซ์มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตมนุษย์มาเป็นเวลานับพันปี
มีข้อมูลบ่งชี้ว่า มีการใช้เมล็ดแฟลกซ์เป็นอาหาร มาตั้งแต่สมัยบาบีลอน หรือประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
ในยุโรปเมล็ดแฟลกซ์ถือเป็นอาหารที่ใช้ในการบำรุงกำลังมาช้านาน แม้ในปัจจุบันอย่างในประเทศเยอรมัน
จะหาร้านขนมปังที่ไม่ทำขนมจากเมล็ดแฟลกซ์ และข้าวไรน์นั้นแทบไม่มี เพราะน้ำมันในเมล็ดแฟลกซ์
ทำให้ขนมปังนุ่มหอมมัน และยืดอายุการเก็บรักษาไว้ได้นานขึ้น
คณะที่ปรึกษาสมาคมแฟลกซ์ ในประเทศแคนาดา รายงานว่า ในประเทศเยอรมัน การบริโภคเมล็ดแฟลกซ์
มีมากกว่า 60,000 ตันต่อปี เพื่อใช้ทำขนมปัง และซีเรียว โดยประมาณการกันว่าประชากร 1 คน
จะบริโภคเมล็ดแฟลกซ์ คนละอย่างน้อย 1 กิโลกรัมต่อปี หรือประมาณ 3 กรัมต่อวัน
Mucilage หรือ เมือกจากเมล็ดแฟลกซ์มีประโยชน์ คนโบราณใช้เมล็ดแฟลกซ์เป็นยาระบาย
นั่นเพราะเปลือกนอกของเมล็ดจะมีกาก/ใยอาหารมากถึง 10% ของเมล็ด เมื่อเปลือกนอกได้สัมผัสกับน้ำ
หรือของเหลว จะทำให้ขยายตัว และมีสภาพไหลลื่นเหมือนกาว
การใช้แฟลกซ์เป็นยาระบาย
ใช้ Flaxseed บดผง 2-4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนม หรือโยเกิร์ต ทานก่อนอาหารเช้า
(และดื่มน้ำตาม อย่างน้อย 1 แก้ว) รับประทานขณะที่ยังไม่แฟลกซ์ซีดยังไม่พองตัว
ไฟเบอร์ในเมล็ดแฟลกซ์จะไปพองตัวในท้องภายหลัง และจะช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย
ถ้าเป็นโรคท้องผูกอย่างมาก ให้รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร
(การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ ทั้งเมล็ด ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมคุณค่าต่างๆได้ เนื่องจาก
ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยเปลือกของเมล็ดแฟลกซ์ได้ จึงควรบดให้ละเอียด ก่อนรับประทาน)
นอกจากนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังสามารถเป็นตัวการสำคัญ ในการทำหน้าที่รักษาลำไส้ และระบบย่อยอาหาร
ที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิด ยาที่ใช้ในคีโมธาราปี หรือผู้ป่วยที่ใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานานๆ
ซึ่งจะทำให้ท้องผูก หรือกลัวว่าจะมีสารตกค้างอยู่
Dr.Ernst Schneider กล่าวว่า ลำไส้ของผู้ป่วยที่ต้องฉายคีโมธาราปี จะกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น
เมื่อใช้เมือกแฟลกซ์ช่วย หรือคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร เมือกแฟลกซ์จะเป็นตัวเคลือบ
ทำหน้าที่เหมือนวอลเปเปอร์เคลือบผนังอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อ 60 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ดังนั้นจึงไม่เห็นความสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากการสีธัญพืชต่างๆ จะเหลือส่วนที่เป็นข้างในไว้เท่านั้น
แต่หลังจากพบว่าประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์หรือ เส้นใยอาหารสูง
และไม่มีปัญหาในเรื่องท้องผูก หรือโรคอื่นๆ เช่น Crohn's diease, diverticultitis และคอเลสตอรอลสูง
ซึ่งโรคเหล่านี้พบมากในประเทศที่เจริญทางอุตสาหกรรม ในทันทีที่ค้นพบ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น
ไฟเบอร์ในเมล็ดแฟลกซ์เป็นส่วนประกอบของเปลือก และมีส่วนผสมของน้ำมันที่เป็นเนื้อของเมล็ด
ร่างกายของเราไม่อาจย่อยสลายได้หมด แต่แบคทีเรียในลำไส้ใช้เป็นอาหารได้
แฟลกซ์มีไฟเบอร์ อยู่ 2 ชนิด
- soluble ไฟเบอร์ที่ละลายได้
- insoluble ไฟเบอร์ที่ละลายไม่ได้
Soluble Fiber เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ : จะมีอยู่ถึง 1 ใน 3 ของเมล็ดแฟลกซ์ มีส่วนช่วยลดคอเลสโตรอล
และ ปรับระดับกลูโคสในเลือด จึงเป็นข่าวดีสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
Insoluble Fiber เป็นไฟเบอร์ที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ : จะมีอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของไฟเบอร์ทั้งหมด
ไฟเบอร์ตัวนี้ จะทำความสะอาดลำไส้ คล้ายไม้กวาด ทำให้ท้องไม่ผูก
หนังสือ British Journal of Nutrition ได้รายงานว่า กลุ่มคนที่ลองทานเมล็ดแฟลกซ์ ภายใน 4 สัปดาห์
มีน้ำตาลในเลือดลดลงถึง 27% ส่วนระดับคอเลสโตรอลก็ลดลง 7% และการขับถ่ายก็ดีขึ้นด้วย
เพราะไฟเบอร์ในแฟลกซ์ซีด เป็นตัวช่วยทำให้ขับของเสียออกเร็ว ไม่มีการหมักหมม จนเกิดท๊อกซิก
ซึ่งอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
Lignans ฮอร์โมนชนิดหนึ่งในแฟลกซ์ Lignans เป็นพืชชนิด estrogens (phytoestrogens)
ซึ่งอาจจะเป็นตัวสำคัญ ในการป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งมดลูก
และมะเร็งลำไส้ใหญ่
ฮอร์โมนในพืชชนิดนี้ นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว ยังเป็นตัวช่วยทำให้กระดูก และเนื้อเยื่อแข็งแรง
ทำงานเป็นปกติทั้งยังสามารถช่วยป้องกันมะเร็งในถุงน้ำดีได้อีกด้วย
Lignans ยังช่วยขับ estrogen ส่วนเกินให้ออกจากร่างกาย ทำให้ชะลอการเติบโตของ tumor (เนื้องอก)
ซึ่งรู้กันว่าผู้หญิงแมกซิกัน ญี่ปุ่น และจีน กินอาหารที่มีไฟเบอร์ และ Lignans สูง จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม
น้อยกว่า หญิงที่บริโภคอาหารแบบอเมริกัน
ยิ่งกว่านั้น เหล่านักวิจัยเชื่อว่า Lignans มีส่วนช่วย และป้องกัน โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
และอาจรวมถึง โรคหืดหอบ ป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราได้อีกด้วย ทั้งยังช่วยลดโอกาสการเป็น
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และโรควัยทอง (Menopause)
เมล็ดแฟลกซ์ยังมีวิตามิน A, B, B2, C, D และ E และแร่ธาตุอีกมากมาย เมล็ดแฟลกซ์มีโปรตีน
เกือบครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ กรดอะมิโน ในแฟลกซ์จะผสมกันได้ดีกับส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือ คอทเทจชีส (cottage cheese) ฉะนั้นเมื่อเราบริโภคเมล็ดแฟลกซ์ กับผลิตภัณฑ์นม
จะทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนครบถ้วน
Golden Flax มีราคาแพงกว่า Brown Flax เพราะขนาดใหญ่กว่า กลิ่นอ่อนกว่า เปลือกอ่อนกว่า
ทานได้ง่ายกว่า นิยมนำมาใส่ใน ซีเรียล (Cereals) ขนมอบ การใส่ใน ซีเรียส (Cereals) ควรบดให้ละเอียด
ก่อนรับประทาน
การบด Flaxseed ใช้เอง ไม่ควรบดล่วงหน้าในปริมาณมาก เนื่องจาก น้ำมันใน Flaxseed
จะทำปฏิกิริยา Oxidation กับอากาศ โดยมี อากาศ แสง และความร้อน เป็นตัวกระตุ้น ทำให้เกิดกลิ่นหืน
ซึ่งสารที่ทำให้เกิดกลิ่นหืนนี้ เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ควรรับประทาน
ในปัจจุมีเมล็ดแฟลกซ์บดป่นจำหน่ายอยู่มาก แต่ควรเลือกสินค้าที่บรรจุในถุงฟอยด์สูญญาอากาศ
ซึ่งสามารถป้องกันแสง, อากาศ และความร้อนได้ บรรจุภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเก็บรักษาเมล็ดแฟลกซ์
ให้มีคุณภาพคงเดิมอยู่ได้ แต่ควรดูวันหมดอายุ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน หรือเลือกซื้อ Flaxseed ที่บดใหม่จะดีที่สุด
เมื่อเปิดห่อแล้ว ต้องเก็บในขวดที่ปิดสนิท เข้าตู้เย็นไว้ และควรใช้ให้หมดภายใน 2-4 สัปดาห์
เมล็ดแฟลกซ์ที่ผลิตจากภูมิประเทศที่มีอากาศเย็นจะมีคุณภาพของน้ำมันโอเมก้า 3 มากกว่า
อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยง น้ำมันที่ผ่านการ Refined หรือกลั่นกรองด้วยความร้อนสูง
***การสังเกต Flaxseed ชนิดบดผง ที่มีคุณภาพที่ดี ไม่ควรมีลักษณะที่แห้งสนิท หรือ ร่วนซุย จนเกินไป
ซึ่งนั่นหมายถึงผงแฟลกซ์ซีดนั้น อาจเคยโดนสกัดเอาน้ำมันออกไปแล้ว เหลือแต่เพียงส่วนของเนื้อและเปลือกเท่านั้น
ผงของ Flaxseed คุณภาพดี ควรดูเหมือนมีความชุ่มชื้นอยู่ (อาจเกาะกลุ่มกันเป็นก้อน แต่สามารถบีบแตก
ได้ง่าย แม้นำไปแช่ในช่องแข็งแล้วก็ตาม ถ้าเป็นก้อนที่เกิดจากน้ำ/ความชื้น จะเป็นก้อนแข็ง บีบแตกได้ยาก)
ซึ่งเป็นผลจากการที่มี Omega-3 อยู่ในปริมาณสูง***
Flax Oil น้ำมันจากเมล็ดแฟลกซ์ เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง จึงเหมาะกับร่างกายมาก
แต่เพราะไขมันไม่อิ่มตัว จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเร็วมาก ทำให้มีกลิ่นหืน เราจึงต้องใช้น้ำมันนี้
ด้วยความระมัดระวัง คือต้องเก็บในภาชนะทึบแสง ป้องกันอากาศและแสงได้
การปรุงอาหารที่เหมาะกับน้ำมันแฟลกซ์นี้ คือ อาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อน เช่น น้ำสลัด สำหรับผักสด
สลัดมันฝรั่ง สลัดแครอท สลัดกะหล่ำปลีขาวหรือแดง
น้ำมันแฟลกซ์ควรเลือกประเภทที่สกัดโดยไม่ผ่านกรรมวิธี และความร้อนสูง (coldpress)
ไม่ควรซื้อ Flaxseed Oil ที่ผ่านการผลิตมาแล้วเกินกว่า 6 เดือน ควรเลือกซื้อขวดเล็ก และใช้ให้หมด
ภายใน 3 สัปดาห์ หลังเปิดขวดแล้ว
เมล็ดแฟลกซ์มีหลายชนิดอาจแบ่งเป็นหลักๆได้ 2 ชนิด
- เมล็ดแฟลกซ์สีน้ำตาลแดง (Brown Flaxseed) มีขนาดเล็ก เกือบแบน รูปวงรีมีปลายแหลมข้างหนึ่ง
ขนาดจะใหญ่กว่าเมล็ดงา มีกลิ่นและรสชาติคล้ายถั่ว มีสารอาหาร และปริมาณน้ำมัน Oil Content สูงกว่าชนิดอื่น
- เมล็ดแฟลกซ์สีเหลือง หรือสีเหลืองทอง (Golden Flaxseed) เมล็ดจะใหญ่กว่าเล็กน้อย เปลือกจะอ่อนกว่า
กลิ่นและรสจะไม่ได้ต่างกับสีน้ำตาลมากนัก เหมาะใช้สำหรับผสมในซีเรียล
ประโยชน์ของการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ และน้ำมันจากเมล็ดแฟลกซ์ เปรียบเทียบระหว่าง ผลทางชีวเคมี
กับ ผลการวิจัย เปรียบเทียบกันได้ดังนี้
ผลทางชีวเคมี
1. สามารถปรับกลุ่มไขมันในร่างกายให้เป็นปกติ
2. สามารถปรับความสมดุลของโพรสแกลนดินส์
3. ลดความอยากอาหาร และลดการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบอาหาร
4. รักษาระดับอินซูลิน และน้ำตาลในเลือด
5. มีประสิทธิภาพทำให้เกิดภูมิคุ้มกันร่างกาย
6. เพิ่มเส้นใยอาหาร และอโรบิดแบคทีเรียในการย่อยอาหาร
7. ลดคอเลสโตรอล และไขมันในเลือด
8. ช่วยให้ระบบเมทาโบลิซึมทำงานได้ดีขึ้น
9. เพิ่มระดับ estrogen ในเลือด
10. ส่งเสริมการทำงานของตับ
ผลทางการวิจัย
1. ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ผมเงา มือนิ่ม ความแข็งแกร่งอดทนของร่างกายดีขึ้น มีกำลังวังชา กระฉับกระเฉง
2. ปรับกล้ามเนื้อให้เข้าสู่สภาพปกติ เช่น ช่วงก่อน และหลังมีรอบเดือน หรือช่วงการเข้าสู่วัยทอง
3. ยับยั้งความอยากรับประทานอาหารจำพวกที่มีคาร์โบไฮเดรตได้
4. ป้องกันความอยากรับประทานของหวาน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงทนทานต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น
5. ช่วยลดอาการอาหารเป็นพิษ กับโรคบางชนิดได้ผลดียิ่งขึ้น
6. ช่วยกระตุ้นให้แบคทีเรียในกระเพาะอาหารทำหน้าที่กำจัดแก๊ส ดูแลระบบการขับถ่ายและการอักเสบของ ทวารหนัก
7. ระบบสูบฉีดโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ทำให้สมองทำงานดีขึ้น คิดอะไรได้ว่องไวขึ้น
8. ช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันได้ ร่างกายทนต่ออากาศหนาวหรือเย็นได้ดีขึ้น
9. ช่วยลดปัญหาต่างๆ ในช่วงเข้าสู่วัยทอง
10. ลดและ รักษาระดับการสูบฉีดเลือด
วิธีรับประทานเมล็ดแฟลกซ์
ควรรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ ที่ผ่านความร้อน ไม่เกิน 60 องศา (เพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไป
จะไปทำลาย วิตามิน และสารอาหาร ในเมล็ดแฟลกซ์ได้) และควรบดให้ละเอียดก่อนรับประทาน
รับประทานครั้งละ 1-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทานเป็นประจำได้เลย
เมล็ดแฟลกซ์ ยังสามารถช่วยปรับสภาพผิวหน้า ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง และมีจุดด่างดำ
เหมาะกับวัยรุ่นที่มีปัญหาเรื่องผิว สามารถนำเมล็ดแฟลกซ์มาใช้ในการรักษาเองได้
ซึ่งดีกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เคมีต่างๆ
วิธีทำมาส์กจากเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Mask)
เมล็ดแฟลกซ์ป่น 1 ส่วน
Wheat bran ป่น 1 ส่วน
ใส่ในขวด สีชา (กันแสง) ปิดฝาให้แน่น
วิธีเตรียม
ตักส่วนผสม 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ชาม เติมน้ำร้อนพอควร คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
วิธีใช้
1. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แล้วเอามาส์กทาหน้า คลึงเบาๆ ให้ทั่ว
2. พักไว้ 5 – 10 นาที น้ำมันในเมล็ดแฟลกซ์จะช่วยสมานผิว ช่วยให้ผิวส่วนที่แห้ง ชุ่มชื่นขึ้น
3. ล้างออกด้วยน้ำ ซับหน้าให้แห้ง
สามารถใช้แทนสบู่ ล้างหน้าได้ทุกวัน หรือ จะใช้เป็นสครับขัดตัวก็ได้
เรียบเรียงจาก : http://www.pantown.com/board.php?id=10764&area=4&name=board11&topic=29&action=view
หน้าที่เข้าชม | 5,405,599 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 4,390,808 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 มิ.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 1 ก.ย. 2568 |